1.overtradeเท่าไรเรียกว่าovertrade? เอาภาษาง่ายๆคือ ทุกครั้งที่คุณเทรดต้องคิดว่าถ้าคุณผิดทาง คุณจะเสียเท่าไร และที่เสียนั้นสามารถเอากลับคืนมาได้ไหม เช่นถ้าไม้นึงคุณเสีย เกินครึ่งพอร์ต การจะเอาคืนต้องทำ100%ซึ่งค่อนข้างยากจริงอยู่มันก็มีคนที่overtrade แล้วรวยไวมันเลยเป็นดาบสองคม บางคนอยากปั้นพอร์ตตอนพอร์ตเล็ก แต่เอาจริงๆเท่าที่เห็นคนเหล่านั้นสุดท้ายพอร์ตโตช้ากว่าคนที่ค่อยๆสร้างอย่างมั่นคง เพราะคนกลุ่มแรกสุดท้ายมาเสียหนักเกือบทุกรายเพราะมันเป็นติดเป็นนิสัย อารมณ์แบบติดเหล้าแล้วเลิกยากเพราะฉะนั้นอย่าovertradeแต่แรกดีที่สุด

2.เงินไม่เย็นถ้าเงินไม่เย็น การจะเทรดให้ได้กำไรสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก เพราะแค่เงินเย็น เงินที่เรายอมรับว่าเสียได้ยังยาก เงินไม่เย็นมีผลต่อจิตใจการเทรดมาก ถ้าคุณคุมใจได้ในขณะที่เงินร้อน ถือว่าคุณเก่งมาก แต่เชื่อเถอะถ้าลองทำแล้วคุณจะรู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้

3.เข้าตลาดวันนี้หวังรวยเดือนหน้าความรวยกับตลาดหุ้นเป็นภาพที่คู่กัน แต่คนไม่ค่อยมองว่า ความอับจนกับตลาดก็เป็นของคู่กัน ข้อที่แล้วเงินไม่เย็นจะยิ่งทำให้เรากลัว ในขณะที่ข้อนี้การตั้งวิธีคิดแบบนี้ทำให้เราโลภ ซึ่งเป็นศัตรูของการเทรด แปลกเนอะที่คนส่วนมากเข้ามาด้วยความโลภ แต่ความโลภกลับเป็นศัตรูของการเทรด เพราะฉะนั้นการเทรดค่อยๆฝึกฝน ไม่ต้องรีบ

4.ขาดทุนแบบไหนก็ยังทำแบบเดิมเวลาคนถามว่าอยู่ตลาดนานยัง ถ้ามีคนบอกว่า นานแล้ว อย่าคิดไปนะว่าเค้าประสบการณ์เยอะ อาจจะขาดทุนเยอะก็ได้ คนที่อยู่นาน มีสามประเภทคือขาดทุนแล้วขาดทุนอีก ทรงๆ และกำไร คีย์สำคัญคือ ขาดทุนแล้วต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ไม่ใช่ผิดพลาดแบบเดิมๆ ซ้ำๆ แล้วหวังว่าวันนึงโชคชะตาจะมาช่วย

5.ไม่ชอบศึกษาหาความรู้วงการนี้เป็นวงการที่คนรู้มากกว่าได้เปรียบ เพราะโลกแห่งการเงินมันคือการสร้างความได้เปรียบผ่านความรู้สะเยอะ ความรู้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะความรู้จะทำให้เรารู้ว่า เราผิดพลาดตรงไหน ต้องแก้ที่จุดไหนการวิเคราะห์ปัญหาได้ถูกจุดนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ทำให้เราพัฒนา ไม่เช่นนั้นคุณจะขาดทุนยังไงก็ขาดทุนแบบนั้น